สวนนกบุรีรัมย์

สวนนกบุรีรัมย์

สวนนกบุรีรัมย์ ตั้งอยู่ที่ตำบลสะแกชำ อำเภอเมือง อยู่ในบริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด บนเนื้อที่ 37 จะได้พบฝูงนกหลายชนิดต่างๆ กว่า 170 ชนิดที่บินมาอาศัย โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งตั้งแต่พฤษจิกายน-เมษายน จะมีฝูงนกมาอาศัยอยู่มากเป็นพิเศษ บางชนิดใกล้สูญพันธ์ุและกาดูได้ยาก เช่น นกเป็ดหงส์  นกเป็ดก่า และนกกาบบัว เป็นต้น กำหนดเป็นเขตห้ามล่าสัตว์เมื่อปี พ.ศ 2535 การเดินทาง จากตัวเมืองบุรีรัมย์ไป 12 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 219 (เส้นทางบุรีรัมย์-ประโคนชัย) ถึงสถานีอนามัยบ้านโคกตาลเลี้ยวซ้าย ประมาณ 2.5 กิโลเมตร ทุกๆวันเวลาประมาณ 17.00-18.00 น. จะมาฝูงนกยางสีขาวนับหมื่นตัวบินกลับรัง

นกเป็ดหงส์

นกเป็ดก่า

นกกาบบัว

วัดเกาะแก้วธุดงคสถาน(วัดระหาน)

วัดเกาะแก้วธุดงคสถาน(วัดระหาน)

วัดเกาะแก้วธุดงคสถาน ตั้งอยู่ที่ ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ภายในวัดประดิษฐานพระมหารัตนเจดีย์ เพื่อเป็นปูชนียศถานระลึกถึง องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ลักษณะขององค์พระมหาเจดีย์ เป็นศิลปะประยุกต์ร่วมสมัย ความสูง60 เมตร มี 4 ชั้น ชั้นที่ 1 ใช้ประโยชน์เป็นศาลาอเนกประสงค์ ชั้นที่ 2 เป็นสถานที่ปฎิบัติปัสสนากรรมฐาน ชั้นที่ 3 เป็นอุโบสถ พิพิธภัณฑ์และเป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนของพระสงฆ์ผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ ชั้นที่ 4 เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งสมเด็จพระสังฆนายกฝ่ายสยามวงศ์ และพระอัครมหาบัณฑิต วิมละรัตนะ เจ้าอาวาสวัดศรีเวฬุวนารามประเทศศรีลังกา ได้ประทานพระบรมสารีริกธาตุและหน่อพระศรีมหาโพธิ์ แก่ พระครูเขมคุณโสภณ (หลวงปู่จันทร์แรม เขมสิริ) เมื่อปี 2547 ส่วนต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ์ได้ปลูกไว้ด้านหลังพระมหาธาตุรัตนเจดีย์ภายในวัดวัดเกาะแก้วธุดงคสถาน

วัดเขาพระอังคาร

วัดเขาพระอังคาร

ภูเขาพระอังคาร เดิมชื่อ ภูเขาลอย เหตุที่เรียกว่าภูเขาพระอังคาร เพราะตามประวัติลายแทงธาตุพนม กล่าวไว้ว่า เมื่อ พ.ศ. 8 ได้มีพญาทั้ง 5 ได้นำพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้าไปบรรจุที่พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม โดยมีพระมหากัสสปะเถระและพระอรหันต์ 500 องค์ เป็นประธาน อีกพวกหนึ่งได้นำพระอังคารธาตุของพระพุทธเจ้ามาประดิษฐานบรรจุไว้บนภูเขาลอย  บริเวณที่ตั้งวัด เป็นปากปล่องภูเขาไฟ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นที่ตั้งโบราณสถานสมัยทวารวดีเพราะพบเสมาหินแกะสลักเป็นจำนวนมาก แนวเดียวกันกับปราสาทหินเขาพนมรุ้ง ส่วนสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างที่เห็นในวัดปัจจุบัน ส่วนใหญ่สร้างใหม่ทับของเก่า มีโบสถ์ที่ประยุกต์จากสถาปัตยกรรมหลายสมัย ดูสวยงามแปลกตา เป็นวัดที่สวยงามใหญ่โตแห่งหนึ่งของบุรีรัมย์ มีโบสถ์ ศาลา และอาคารต่างๆ ตั้งอยู่บนยอดเขาอังคาร

บุรีรัมย์ คาสเซิล (BURIRAM CASTLE)

                                   บุรีรัมย์ คาสเซิล (BURIRAM CASTLE)
          บุรีรัมย์ คาสเซิล แหล่งอารยธรรมแห่งใหม่ ที่ลงทุนมากกว่า 370 ล้านบาท เปิดตัวพร้อมให้เข้าใช้บริการตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2559 โดยบุรีรัมย์ คาสเซิล มีพื็นที่ขนาน 93,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ระหว่าง Chang Arena และสนามแข่งรถ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต โดยอิงรูปแบบจากหมู่บ้านชุมชนรอบปราสาทในอดีต แบบพื้นที่ออกเป็น Avenue Area ตารางเมตร ปราสาทหินพนมรุ้งจำลอง 14,000 ตารางเมตร สวนไม้ดอก ไม้ประดับและสวนตะบองเพรช 35,000 ตารางเมตร และ Car Parking 8,000 ตารางเมตร และยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์นั้นคือ "สวนศิวะ" สวนสาธารณะที่เป็นพื้นที่สีเขียวผืนใหม่ของบุรีรัมย์ ประกอบไปด้วย สวนกระบองเพรชขนานใหญ่ กล้วยไม้ และ พันธ์ไม้หายาก อีกทั้งเป็นที่ตั้งของ"มหาศิวลึงค์" ทำจากหินสูงกว่า 9 เมตร ซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก รายรอบด้วยแผ่นศิลาหินทราย "กามาสูตร" ซึ่งเปรียบดั่งจุดกำเนินแห่งจักรวาล
                          

                          

                          
                                                              "สวนศิวะ 12"

อนุสาวรีย์ช้าง ( รัชกาลที่1 )

                                                    อนุสาวรีย์ช้าง ( รัชกาลที่1 )
พระบรมราชานุสาวรีย์พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองบุรีรัมย์ทางไปอำเภอประโคนชัย สร้างในปี พ.ศ.2539 เพื่อเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 1 ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ผู้ทรงก่อตั้งเมืองบุรีรัมย์ เมื่อครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึก พระบรมราชานุสาวรีย์มีขนาดเท่าครึ่งของพระองค์จริง หล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ ฉลองพระองค์แบบนักรบตามขัตติยราชประเพณีโบราณ ประทับบนช้างศึก จากจดหมายเหตุประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 7 กล่าวว่า ใน พ.ศ.2321 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี โปรดให้สมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึกยกทัพไปปราบพระยานางรองซึ่งคบคิดกับเจ้าโอ เจ้าอินแห่งจำปาศักดิ์ ขณะเดินทัพพบเมืองร้างอยู่ที่ลุ่มน้ำห้วยจระเข้มากชัยภูดีแต่ไข้ป่าชุกชุม ชาวเขมรป่าดงไม่กล้าเข้ามาอยู่อาศัย แต่ตั้งบ้านเรือนอยู่โดยรอบ จึงรวบรวมผู้คนตั้งเป็นเมืองแปะและให้บุตรเจ้าเมืองพุทธไสสมันซึ่งติดตามมาด้วยเป็นเจ้าเมือง ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระยานครภักดี ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเป็น เมืองบุรีรัมย์  พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ตั้งอยู่บริเวณวงเวียนสี่แยกถนนสายบุรีรัมย์-สตึก สร้างขึ้นในปี 2539 เพื่อเฉลิมพระเกียรติแก่พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเมืองบุรีรัมย์ เมื่อครั้งยังเป็นสมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึก โดยอนุสาวรีย์มีขนาดเท่าครึ่งขององค์จริงและฉลองพระองค์แบบนักรบตามขัตติยราชประเพณี  ประทับอยู่บนคอช้างศึก หล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ ตั้งอยู่บนฐานกว้าง 4 เมตร ยาว 8.80 เมตร และสูง 10 เมตร  

               

ถนนเซราะกราว

 ถนนเซราะกราว

ถนนคนเดินเซราะกราว เป็นถนนคนเดินวัฒนธรรมที่เป็นอัตตลักษณ์ของชาวจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 17.00 - 22.00 น. ณ บริเวณหน้าจวดผู้ว่าราชการจังหวัด จัดขึ้นเพื่อให้ถนนคนเดินแห่งนี้ เป็นลานบ้าน ลานวัฒนธรรม เป็นแหล่งให้ ประชาชนในจังหวัดบุรีรัมย์มาพบปะกัน นำสินค้าผลผลิตในชุมชนมาจำหน่าย นำคิลปวัฒนธรรมที่ดีงามและน่าสนใจของแต่ละอำเภอ มาแสดง นำภูมิปัญญาของท้องถิ่นมาสาธิตให้ผู้ร่วมเที่ยวชมงานได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน โดยมีการจัดแสดงสาธิต และ จัดจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ ภูปัญญาต่างๆ ของฝากที่ระทึก อาหารปรุงสำเร็จรูป ตลาดสีเขียว สินค้าเบ็ดเตล็ด และ ชมการแสดง ศิลปหัตถกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวบุรีรัมย์ รวมกว่า 359 บูธ ถนนคนเดินแห่งนี้ได้ก่อตั้งมาตั้งแต่เดือน ก.ค 2557

ถนนเซราะกราว = ถนนบ้านนอก

ปราสาทเมืองต่ำ

ปราสาทเมืองต่ำ

                          ปราสาทเมืองต่ำสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 16 ในศิลปะบาปวนตอนต้น และลดความสำคัญลงไปในราวพุทธศตวรรษที่ 18 และถูกทิ้งร้างในที่สุด จนเมื่อราวปี พ.ศ 2490 จึงเริ่มมีการอพยพเข้ามาของชาวบ้าน มาตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้อีกครั้งหนึ่ง  ปราสาทเมืองต่ำน่าจะเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไวษณพนิกาย ภาพสลักส่วนมากนี้ ล้วนเป็นภาพเกี่ยวกับการอวตารของพระนารายณ์ อีกทั้งเป็นปราสาทน้ำล้อม ซึ่งเป็นลักษณะของไวษณพนิกาย ต่างจากปราสาทบนภูเขาของไศวนิกาย ปราสาทเมืองต่ำมีปรางค์ประธานห้าองค์บนฐานเดียวกัน เช่นเดียวกับปราสาทศีขรภูมิ และยังมีปราสาทอีก4หลัง เป็นปราสาทอิฐ ปัจจุบันได้รับการบูรณะในสภาพสมบูรณ์ และมีหน้าบันด้านหน้าอยู่ครบ โดยปราสาทแถวหลังองค์ทิศใต้ มีหน้าบันเป็นภาพพระวรุณเทพประทับเหนือหงษ์ ปราสาทแถวหลังองค์ทิศเหนือเป็นภาพพระกฤษณะ (ร่างอวตารของพระวิษณุ) ยกภูเขาโควรรธนะ ปราสาทแถวหน้าองค์ทิศใต้เป็นภาพพระอินทร์ ปางมหาราชลีลาสนะ (นั่งชันเข่า) ประทับเหนือหน้ากาล ส่วนปราสาทแถวหน้าองค์ทิศเหนือ เป็นภาพพระศิวคู่พระอุมา ประทับบนโคนนทิในปาง อุมามเหศวร  

         

          หากมีการผิดพลาดประการใด ดิฉันขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยค่ะ

วัดป่าเขาน้อย

วัดป่าเขาน้อย

วัดป่าเขาน้อย อยู่ในตำพบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ ติดเขตวนอุทยานภูเขาไฟกระโดง เป็นป่าธรรมชาติร่มรื่น เป็นสถานที่ปฎิบัติธรรมที่พุทธศาสนิกชนที่สงบเงียบ ภายในวัดป่าเขาน้อย มีพระบรมธาตุเจดีย์ศรีสุวจคุณานุสรณ์ สร้างขึ้นจากแรงศรัทธาของยานุศิษย์ของ หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกฐธาตุ และ เป็นเครื่องระลึกถึงพระคุณแห่งหลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ พระสายธรรมยุติและเป็นศิษย์หลวงปู่มั่น ด้านในของของพระบรมธาตุเจดีย์ศรีสุวจคุณานุสรณ์ เป็นที่ประดิษฐานของหุ่นขี้ผึ้ง หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ และพระบรมธาตุเจดีย์ศรีสุวจคุณานุสรณ์ เป็นศิลปะในแบบขอมเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่สำคัยของจังหวัดบุรีรัมย์ ทางขึ้นคล้ายกับสะพานบันไดนาคศิลปะแบบขอมเช่นเดียวกันกับปราสาทพนมรุ้ง เมื่อขึ้นไปใกล้กับซุ้มประตูทางเข้าจะเป็นสิงห์ศิลปะแบบขอมเฝ้าประตูทั้งซ้ายและขวา

ช้างอารีนา ( Chang Arena )

                            ช้างอารีนา ( Chang Arena )

            สนามช้างอารีนา ( Chang Areno )สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตั้งอยู่ที่ตำบล ในเมือง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ สนามแห่งนี้มีความจุ32,600 ที่นั่ง ซึ่งสร้างด้วยเงินงบประมาณกว่า 500 ล้านบาท จัดเป็นสนามฟุตบอลที่ได้มาตรฐานแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีลู่วิ่งคั่นสนามและผ่านมาตรฐานระดับโลกจาก สหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ,มาตรฐานสนามกีฬาระดับเอจาก สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย และ สมาพันธ์ฟุตบอลอาเซียน และ ยังได้รับการบันทึกลงใน กินเนสบุ๊ค ว่าเป็นสนามฟุตบอลในระดับฟีฟ่าแห่งเดียวในโลกที่ใช้เวลาก่อสร้าง  น้อยที่สุดในโลกคือ 256 วน